ตลาดนักเตะ นั้นมีความสำคัญอย่างมาก สำหรับโลกของฟุตบอลในยุคปัจจุบัน ซึ่งเป็นช่วงระหว่างปี ที่สโมสร สามารถโอนย้ายผู้เล่นจากทีมอื่น ๆ มาเป็นผู้เล่นของทีมตัวเองได้ เมื่อเลือกได้แล้วว่าอยากได้นักเตะคนไหน ทีมที่ต้องการจะซื้อนักเตะคนนั้น ก็จะต้องติดต่อไปที่ต้นสังกัดของนักเตะที่ว่า เพื่อพูดคุยถึงเรื่องจำนวนเงินที่พวกเขาต้องการหรือพร้อมจะจ่าย
และแน่นอนว่า ยิ่งเป็นนักเตะที่มีโปรไฟล์ และฝีเท้าเป็นที่ต้องการของแต่หลายสโมสร ก็จะเกิดการแข่งขัน จำนวนเม็ดเงินที่ล่อตาล่อใจนั้น ก็เป็นสิ่งที่ดึงดูดเหล่านักเตะชั้นนำของโลกด้วยเช่นกัน
กองหน้า ซูเปอร์สตาร์ชาวบราซิเลียน ตัดสินใจโบกมืออำลา บาร์เซโลน่า เพื่อออกไปหาความท้าทาย (ด้านการเงิน) ใหม่ กับ ปารีส แซงต์-แชร์กแมง เมื่อปี 2017 โดยในเวลานั้น “เปแอสเช” ยอมเปิดคลังด้วยการทุ่มฉีกสัญญานักเตะประมาณ 222 ล้านยูโร (ราว 7,992 ล้านบาท)
หัวหอกดาวรุ่งพุ่งแรงแซงทางโค้ง ทีมชาติฝรั่งเศส ได้ชื่อว่าเป็นนักเตะอายุน้อยหลายพันล้านแห่งวงการลูกหนังโลกของจริง หลังจากที่ระเบิดฟอร์มเทพกับ โมนาโก ทำให้สโมสรชั้นนำมากมาย อยากได้ตัวไปร่วมทีม แต่สุดท้าย แซงต์-แชร์กแมง หยิบชิ้นปลามันไปหม่ำสบายท้อง ด้วยสนนราคา 180 ล้านยูโร (ราว 6,480 ล้านบาท) และในอนาคตมีความเป็นไปได้สูงว่า เอ็มบัปเป้ จะกลายเป็นผู้เล่นที่ค่าตัวแพงที่สุดในโลก หากมีการย้ายทีมเกิดขึ้น
หลังจากที่หลั่งน้ำตาตอนเล่นให้ทีมชาติบราซิล เพราะ ลิเวอร์พูล ไม่ยอมปล่อยตัวไปเล่นกับ บาร์เซโลน่า ช่วงตลาดนักเตะซัมเมอร์ปี 2017 สุดท้าย “คูตี้” ก็ได้ย้ายสนใจอยากในเดือนมกราคม 2018 โดย บาร์ซ่า ยอมเซ็นเช็คจ่ายชดเชยให้ “หงส์แดง” 160 ล้านยูโร (ราว 5,760 ล้านบาท) แต่ตอนนี้ดูท่าทางความรักระหว่างทั้งสองฝ่ายเริ่มจืดจางแล้ว และมีข่าวลือว่า คูตินโญ่ คือหนึ่งในแข้งตัวแถมที่ “เจ้าบุญทุ่ม” จะแนบเอาไว้ในข้อเสนอซื้อ เนย์มาร์ ซะด้วย
นี่คือหนึ่งในกองหน้าอนาคตไกลทีมชาติฝรั่งเศส ผลงานชั้นยอดที่สร้างเอาไว้กับ โบรุสเซีย ดอร์ทมุนด์ ทำให้ บาร์เซโลน่า ประทับใจเหลือเกิน และยอมจ่ายยับไม่นับญาติจำนวน 145 ล้านยูโร (ราว 5,220 ล้านบาท) เพื่อสู่ขอนักเตะมาเล่นใน ถิ่นคัมป์ นู เมื่อปี 2017 ตอนนี้ผ่านมา 2 ฤดูกาลแล้ว ผลงาน 18 ประตูจาก 65 เกมในทุกรายการที่เล่นกับยักษ์ใหญ่แห่งลีกกระทิงดุ ดูเหมือนไม่คุ้มเอาซะเลย แถมยังมีปัญหาเรื่องทัศนคติเข้าไปอีก
ฟลิกซ์ ถือเป็นนักเตะดาวรุ่งที่น่าจับมามองมากที่สุดคนหนึ่งในยุคนี้ โดยฤดูกาล 2018/19 ที่ผ่านมา เจ้าตัวกดไป 20 ประตู จากการลงเล่นรวมทุกรายการให้ “เหยี่ยวลิสบอน” 43 นัด โดยเฉพาะการซัดแฮตทริกให้ต้นสังกัดทำให้กลายเป็นผู้เล่นอายุน้อยที่สุดที่ทำ 3 ประตูในศึกยูฟ่า ยูโรปา ลีก ด้วยวัย 19 ปี กับ 152 วัน ในเกมที่ช่วยต้นสังกัดไล่ถล่ม ไอน์ทรัค แฟร้งค์เฟิร์ต 4-2 ในรอบก่อนรองชนะเลิศ นัดแรก
ดังนั้นจึงไม่ใช่เรื่องแปลกที่ชื่อของ เฟลิกซ์ เป็นที่หมายปองของยักษ์ใหญ่ทั่วยุโรป แต่แข้งทองคำชาวโปรตุกีส เลือกที่จะย้ายมาเล่นให้ แอตเลติโก มาดริด ด้วยสนนราคา 126 ล้านยูโร (ประมาณ 4,410 ล้านบาท) ในช่วงซัมเมอร์ 2019 แถมจะได้สวมเสื้อหมายเลข 7 แทนที่ อองตวน กรีซมันน์ ที่กำลังจะย้ายออกจากทีม งานนี้หาก “ตราหมี” ไม่มั่นใจว่าเด็กคนนี้มันมีของ คงไม่ทุ่มเงินพร้อมกับเบอร์เสื้อตำนานให้นักเตะแน่นอน
กัปตันทีมชาติโปรตุเกส ยังคงได้ชื่อว่าเป็นซูเปอร์สตาร์ ลูกหนังไม่เสื่อมคลายแม้ตอนนี้อายุอานามจะเข้าหลักสามไปแล้วก็ตาม แต่ผลงานและศักยภาพยังคงสุดยอด เพราะไม่ว่าจะย้ายไปเล่นกับสโมสรไหนก็มักนำความสำเร็จสู่ที่นั่นเสมอ
ยูเวนตุส ตัดสินใจทุ่มเงินสูงถึง 117 ล้านยูโร (ราว 4,212 ล้านบาท) เพื่อกระชาก สตาร์เลือดฝอยทอง มาจากอ้อมอก “ราชันชุดขาว” เรอัล มาดริด สโมสรหัวแถวในวงการลูกหนังโลก แม้ในตอนแรกหลายคนอาจตั้งข้อสงสัยว่าด้วยวัยของ “ซีอาร์ 7” ที่เพิ่มขึ้นถึง 33 ปีในเวลานั้นจะมีสภาพร่างกายพร้อมรับศึกหนักในเกมกัลโช่ เซเรีย อา หรือเปล่า
ป็อกบา ย้ายจาก แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ไปสู่ ยูเวนตุส แบบไม่มีค่าตัว เมื่อฤดูกาล 2012/13 หลังจากบ่มเพาะฝีเท้าจนกลายเป็นยอดนักเตะ แมนฯ ยูไนเต็ด ตัดสินใจทุ่มเงินซื้อกลับมาอยู่ในถิ่นโอลด์ แทร็ฟฟอร์ด ด้วยสนนราคา 105 ล้านยูโร (ราว 3,780 ล้านบาท) ในปี 2016 โดยเพียงซีซั่นแรกก็คว้าดับเบิ้ลแชมป์บอลถ้วยได้แก่ อีเอฟแอล คัพ (คาราบาว คัพ) กับ ยูฟ่า ยูโรปา ลีก
สำหรับซีซั่นที่ผ่านมา ป็อกบา โดนวิจารณ์อย่างหนักเกี่ยวกับผลงานของเจ้าตัว แถมช่วงซัมเมอร์นี้ก็ดันปากเปราะออกมายอมรับต้องการอำลา “ปีศาจแดง” เพื่อไปหาความท้าทายใหม่ ด้วยเหตุนี้ทำให้ ดาวเตะแชมป์โลก ตกเป็นข่าวหนาหูว่า เรอัล มาดริด พร้อมทำทุกวิถีทางที่จะดึงนักเตะมาปั้นเกมในถิ่นซานติอาโก้ เบร์นาเบว
สตาร์ลูกหนังชาวเวลส์ กลายเป็นแข้งสุดเซอร์ไพรส์เมื่อได้ชื่อว่าเป็นนักเตะที่แพงที่สุดในโลก ตอนที่ย้ายจาก ท็อตแน่ม ฮ็อทสเปอร์ มาอยู่กับ เรอัล มาดริด เมื่อปี 2013 โดยค่าตัวในเวลานั้นประมาณ 100 ล้านยูโร (ราว 3,600 ล้านบาท) แต่ก็ถือว่าคุ้มแสนคุ้มเมื่อช่วยทีมคว้าแชมป์ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก 4 สมัย โดยเฉพาะในซีซั่น 2017/18 เขาคือโคตรซูเปอร์ซับที่ลงมาเล่นเป็นตัวสำรองในครึ่งหลัง พร้อมกับซัด 2 ประตูสุดสวยคว่ำ ลิเวอร์พูล 3-1
ผลงานระดับมาสเตอร์พีซที่สร้างเอาไว้กับ “สิงโตน้ำเงินคราม” เชลซี ตลอด 7 ฤดูกาลทำให้ อาซาร์ เป็นนักเตะที่ เรอัล มาดริด ปรารถนามาร่วมทีมอย่างมาก จนในที่สุดสิ่งที่ต้องการก็สำเร็จเมื่อพวกเขากระชากตัว เพลย์เมกเกอร์ทีมชาติเบลเยียม มาสวมชุด “ราชันชุดขาว” ในปี 2019 พร้อมค่าตัว 100 ล้านยูโร (ราว 3,600 ล้านบาท)
กลายเป็นนักเตะที่ถูกพูดถึงมากที่สุดในตลาดซื้อขายฟุตบอลประจำซัมเมอร์ปี 2019 หลังนักเตะทีมชาติอังกฤษรายนี้ย้ายจาก สโมสรเลสเตอร์ซิตี้ ที่มีกลุ่มคิงส์เพาเวอร์ บริษัทของชาวไทยเป็นเจ้าของ ไปสู่อ้อมกอดของปีศาจแดง แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด สโมสรยักษ์ใหญ่ของพรีเมียร์ลีกด้วยค่าตัวที่สูงถึง 80 ล้านปอนด์ ( ประมาณ 2,982 ล้านบาท ) ซึ่งเป็นการทำลายสถิติโลกของกองหลังที่มีค่าตัวแพงที่สุดของ เวอร์จิล ฟาน ไดค์ ที่ย้ายจากทีม เซาธ์แธมป์ตัน ไปยังทีมลิเวอร์พูล ด้วยค่าตัว 75 ล้านปอนด์ (2,795 ล้านบาท) เมื่อปี 2018 ที่ผ่านมา
สำหรับ เนย์มาร์ ยังคงเป็นนักเตะที่แพงที่สุดในโลกนับตั้งแต่ย้ายจาก บาร์เซโลน่า มาเล่นให้ ปารีส แซงต์-แชร์กแมง เมื่อปี 2017 อย่างไรก็ตามในอนาคตทุกอย่างอาจมีการเปลี่ยนแปลง เพราะชื่อของ คีลิยัน เอ็มบัปเป้ สตาร์ดาวรุ่งแชมป์โลก กำลังขึ้นหม้อสุด ๆ และหากย้ายทีมมีความเป็นไปได้สูงว่าค่าตัวน่าจะแซง ดาวยิงชาวบราซิเลียน อย่างแน่นอน
เป็นอย่างไรกันบ้างครับ สำหรับ 10 อันดับ นักเตะค่าตัวที่แพงที่สุดของวงการฟุตบอล ซึ่งแน่นอน ในอนาคตอาจมีแนวโน้มเปลี่ยนแปลงได้ ให้เราคอยติดตามกันครับว่าในอนาคตอันใกล้นั้น จะมีนักฟุตบอลคนไหนก้าวขึ้นมาเป็นผู้เล่นที่ติดหนึ่งในสิบของผู้เล่นที่มีค่าตัวแพงที่สุดในโลกบ้าง แล้วเราจะมาคอยอัพเดทให้คุณได้รับทราบอีกครั้ง
สำหรับใครที่สนใจจะติดตามข่าวสารเกี่ยวกับกีฬาต่างๆ สามารถติดตามเราได้ที่ tnd168th หรือหาก คุณเป็นคนหนึ่งที่ต้องการทำเงินจากการเดิมพันกีฬา และคาสิโนออนไลน์ สามารถเข้ามาทำการเดิมพันกับเราได้อย่างง่ายๆ ผ่านหน้าเว็บไซต์ของเรา